วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง (ตอน พระโพธิสัตว์เมืองหงษา)


พระโพธิสัตว์เมืองหงษา

       ภิกษุที่จะออกป่าเดินธุดงค์ได้ ต้องตัดขาดจากอารมณ์โลภ โกรธ หลง ทรัพย์สมบัติติดตัวไปไม่ได้  เห็นสตรีสาวสวยจะนึกกำหนัดยินดีไม่ได้  ถ้าหากมีศีลบริสุทธิ จิตวุสุทธิ และกรรมบริสุทธิ์ทั้ง ๓ ประการ มีจิตศรัทธาเลื่อมใสมั่นคงในคุณพระรัตนตรัย  เชื่อมั่นในครูอาจารย์ เชื่อมั่นในบุญกุศลของตนเองแล้ว  ก็จะปลอดภัยด้วยประการทั้งปวง 
     พระภิกษุที่ออกธุดงค์เดินป่านั้น ต้องปลงใจให้ตกยอมสละหมดทุกอย่าง  ความสุขสบาย ลาภยศ สรรเสริญท้ังหลาย แม้ชีวิตร่างกายก็ยอมอุทิศถวายพระศาสดาได้เพื่อประพฤติพรหมจรรย์ เมื่อปลงใจได้เช่นนี้ การเจริญสมถธรรมจิตใจก็จะมีพละกำลังกล้า จะศึกษาอะไรก็สำเร็จสมปรารถนา  การทำเครื่องรางของขลังเสกน้ำมนต์ก็จะเกิดความศักดิ์สิทธ์ 

     หลวงพ่อแช่ม มีความใฝ่ฝันทางนี้ จึงสมัครใจออกธุดงค์แต่เพียงลำพังองค์เดียว ด้วยอุปนิสัยชอบท่องเที่ยว ดั้นด้นข้ามทุ่งข้ามท่า ข้ามป่าข้ามเขาไปทางเมืองกาญจนบุรี  จนล่วงเข้าเขตป่าใหญ่ ค่ำไหนนนอนนั่น ชมนกชมไม้ เอาไพรเป็นเพื่อน  เอาแสงเดือนต่างไต้ ใช้ชีวิตวิเวกในป่ากว้าง  ได้รับความสงบสุขไปตามประสาคนไม่มีห่วงทางโลก  มีชีวิตประดุจดังนกขมิ้นเหลือง ค่ำไหนนอนนั่น ฟังเสียงเสือเสียงช้างร้องในป่า วิเวกวังเวงใจ แต่ก็หาทำอันตรายอันใดไม่ คิดปลงเสียว่า เขาก็ชีวิต เราก็ชีวิต ต่างคนต่างเกิดมาในโลกนี้เพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไปจนสิ้นลมปราณ  แม้นว่าชาติก่อนเราเกิดเป็นคู่ล้างผลาญกัน คู่เวรคู่กรรมกัน ชาตินี้เราก็คงถูกเสือกัดช้างแทง ถ้าชาติก่อนไม่ได้เป็นคู่เวรคู่กรรมกัน ขอให้ต่างคนต่างไป อย่ามีภัยอันตรายต่อกัน ขอให้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาร่วมโลกร่วมแผ่นดินนี้ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน จงรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด เมื่อได้ตั้งสัตยาษิฐานแผ่เมตตาเช่นนี้แล้ว เสือช้างก็มิได้มากล้ำกรายเลย  จนภายหลังเมื่อหลวงพ่อแช่มกลับมาอยู่วัดตาก้อง ก็คิดถึงสัตว์ป่าพวกนี้ เลยเอาหมูป่า หมีมาเลี้ยงไว้ที่วัด หลวงพ่อแช่มเป็นพระมีเมตตาสูง แม้สัตว์ป่าเปรียวๆดุๆ ก็เลี้ยงเชื่องได้ 

    หลวงพ่อแช่มได้ธุดงค์บุกป่าดงไปจนพ้นเขตแดนไทยเข้าไปในประเทศพม่า  ในระหว่างธุดงค์ในเขตพม่าน้ันได้พบชาวพม่าคนหนึ่ง จะว่าเป็นพระก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นฤาษีก็ไม่เชิง คือไม่นุ่งผ้าคากรอง สวมชฎาตามแบบฤาษีทีเคยฟังเขาเล่ากันมาแต่โบราณ  แต่นุ่งผ้าย้อมฝาดสีหม่นๆเหมือนสีย้อมกรัก นุ่งผืนห่มผืน ปลูกกระท่อมอยู่ในป่าเชิงเขา  มีภรรยาและมีบุตรหญิงด้วย แต่ไว้มวย นุ่งชฎาหาได้โกนหัว โกนหนวดเคราไม่  มีผู้นิยมนับถือว่าเป็นผู้วิเศษ สำเร็จธรรมชั้นสูง

     หลวงพ่อแช่มกำลังใฝ่ฝันที่จะศึกษาเล่าเรียนวิชาทางนี้จึงได้สมัครเข้าศึกษาวิชากับเซียนพม่านี้  ในเมืองพม่าไม่มีวัดวาอารามเหมือนของไทยเรา ใครปลูกตึก ปลูกกระท่อม ทำเป็นที่อยู่อาศัยปฎิบัติธรรมของตนเองก็เรียกว่าวัดเหมือนกัน  แต่เป็นวัดส่วนตัว ผู้ปลูกสร้างวัดนั้นก็เป็นเจ้าของเป็นสมภาพเจ้าวัดเอง  เป็นอุปัชฌาชย์บวชคนได้ ปฎิบัติธรรมตามลัทธิความเชื่อถือของตน  แต่เซียนพม่าคนน้ันท่านก็ว่าท่านเป็นพระสงฆ์เหมือนกัน  แต่ไม่บิณฑบาตร ทำไร่ ทำนา เลี้ยงวัวเอง  ซ้ำมีภรรยาและบุตรสาวด้วย แต่ท่านบอกว่าท่านประพฤติพรหมจรรย์ทั้ง ๓ คน  ไม่เกี่ยวข้องในทางเพศ อยู่ร่วมกันแบบพระเวสสันดรกับนางมัทรี และกัณหาชาลีในมหาเวสสันดรชาดก 

     หลวงพ่อแช่ม รู้สึกพอใจมาก ที่ได้พบการดำเนินชีวิตแบบพระเวสสันดร พระนักบวชชาวพม่านี้บอกว่าท่านไม่ได้มุ่งพระนิพพาน ท่านยังไม่หมายเป็นพระอรหันต์ แต่ท่านมุ่งถึงพระโพธิสัตว์ภูมิ เพื่อช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์  เป็นทีพึ่งของสัตว์โลก 

     ตามธรรมดาสัตว์ที่เกิดมาในโลกนี้ ท่านแบ่งเป็นภูมิต่างๆตามลำดับ ดังนี้ คือ
     ๑. พุทธภูมิ         คือ เป็นพระพุทธเจ้า
     ๒. อรหัตตภูมิ     คือ เป็นพระอรหันต์
     ๓. ปัจเจกภูมิ      คือ เป็นพระปัจเจกพุทธ
     ๔. โพธิสัตว์ภูมิ   คือ เป็นพระโพธิสัตว์
     ๕. เทวภูมิ          คือ เป็นเทวดา
     ๖. นมุสภูมิ         คือ เป็นมนุษย์ธรรมดา
     ๗. เดรัจฉานภูมิ คือ เป็นสัตว์เดรัจฉาน
     ๘. อสุรกายภูมิ  คือ เป็นผี ยังไม่ได้ผุดได้เกิด
     ๙. เปตรภูมิ       คือ เป็นเปรต
     ๑๐ นรกภูมิ        คือ เป็นสัตว์นรก 

     การที่จะเกิดในภูมิชั้่นต่างๆ นั้น ก็สุดแล้วแต่บุญกรรมที่ทำ และความปรารถนาที่จะเป็น
     หลวงพ่อแช่ม ได้ฟังอาจารย์พม่าผู้นั้นอธิบายถึงลัทธิพระโพธิสัตว์ก็รู้สึกพอใจมาก จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์เข้าศึกษาอบรมในสำนักพระภิกษุพม่าองค์นั้นแต่บัดนั้น 
     และได้ตัดสินใจว่า ชีวิตนี้จะบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อช่วยบำบัดทุกขภัยของชาวโลก