วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ( บทนำ )



๑. บทนำ

     
     หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง  เป็นพระภิกษุที่มีชื่อเสียงโด่งดังรูปหนึ่งในเมืองไทย  เมื่อสมัย  ๓๐ ปีล่วงมาแล้ว   มีผู้คนไปหาท่านมาก  ผู้คนเหล่านั้นไปจากจังหวัดใกล้ไกลทั่วไป  มีท้ังพ่อค้า  ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และพลเรือน  คุณหญิงคุณนาย นักแสวงโชคลาภ  พากันไปกราบไปขอของดีท่่านท้ังน้ัน  แม้ในเวลานี้ท่านจะล่วงลับไปแล้วเกือบ  ๓๐ ปีก็ยังมีคนกล่าวขวัญถึงท่านอยู่  เหรียญทองแดงรูปของท่านก็ยังมีนักเลงสะสมพระเครื่องแสวงหา  แต่นักค้าพระะเครื่องก็ทำเทียมขึ้นใหม่   จนไม่มีใครทราบว่าของจริงของเทียมต่างกันอย่างไร  ฟังๆดูคนที่พูดถึงหลวงพ่อแช่ม  ก็ต่างคนต่างรู้ไปคนละอย่างสองอย่าง   ทั้งๆที่บางคนไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของท่าน  เรืองราวของหลวงพ่อแช่ม  จึงฟังดูสับสนเหมือนนิยาย  นานเข้าก็คงลบเลือนไปด้วยไม่มีผู้ใดเขึยนไว้เป็นหลักฐาน

     เหตุที่ไม่มีคนเขียนประวัติหลวงพ่อแช่มไว้  ก็คงจะเป็นด้วยเหตุผล  ๒ ประการ  

     ประการแรก    คนที่รู้จักหลวงพ่อแช่มจริงๆ  ก็เขียนหนังสือให้คนอ่านไม่ได้   เพราะเป็นชาวบ้านธรรมดา   หนังสือหนังหาก็ไม่สันทัด  เพราะวัดตาก้องที่หลวงพ่อแช่มอยู่น้ันเป็นวัดชนบทบ้านนอก  คนที่อ่่านออกเขียนได้น้ันก็มีอยู่มากหรอก  แต่คนที่พอจะเขียนหนังสือไว้ให้คนอ่านกันน้ัน   ดูเหมือนยังไม่มี  ลูกศิษย์ลูกหาหลวงพ่อแช่มที่รู้เรืองหลวงพ่อแช่มดี  ก็อยู่ในจำพวกนี้  เรื่องราวของหลวงพ่อแช่มจึีงยังไม่มีใครเขียนไว้ให้คนอ่านกันเลย

     ประการที่สอง   คนที่พอจะเขียนหนังสือให้คนอ่านได้  ก็ไม่มีใครรู้จักหลวงพ่อแช่มจริง ก็เพียงแต่ได้ยินเขาเล่าว่า  ต่อไปภายหน้า  ถ้าหากใครนึกสนุกอย่ากจะเขียนประวัติหลวงพ่อแช่มขึ้นขายกิน  ก็คงจะต้องนั่งหลับตายกเมฆเอาตามใจชอบ  ประวัติหลวงพ่อแช่มก็คงจะเกิดมีขึ้นในบรรณโลก  แต่ไม่ใช่ประวัติหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้ององค์นี้  แต่เป็นหลวงพ่อในฝันของนักประพันธ์  เพราะคงจะมีเรื่องแต่งเดิมเสริมเอาตามคำคนที่ชอบเล่าเรืองอะไรให้วิจิตรพิศดารโลดโผนโจนทะยานไปได้มากกมาย

     ส่วนข้าพเจ้าเองน้้นอยู่ในระหว่างคนสองจำพวกนี้  คือ รู้จักหลวงพ่อแช่ม ดีพอสมควร จึงได้อาสาเข้ามาเขียนเรืองหลวงพ่อในคร้ังนี้ ถึงแม้ข้าพเจ้าจะมิได้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแข่ม แต่ข้าพเจ้าก็เป็นเด็กวัดตาก้อง  ได้เคยไปมาหาสู่คุ้นเคยกับหลวงพ่อแช่มมาตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กวัด  จนออกมารับราชการเป็นหนุ่มใหญ่แล้ว  เคยได้รู้ได้เห็น เคยได้ยินได้ฟังเรืองราวของท่านมามาก  ทั้้งจากปากคำของคนอื่น และปากคำของท่านเอง  เคยได้ยินท่านเล่าประวัติส่วนตัวของท่านให้ฟัง เคยได้อ่านตำหรับตำราของท่าน เคยเห็นท่านไปทำนา  เคยเห็นทำเกวียน  เคยไปเที่ยวไร่เที่ยวนาของท่าน  เคยเห็นสระใหญ่ที่ท่านขุดไว้ชายน้ำ  เคยเห็นวัวฝูงใหญ่ของท่าน  เคยเห็นแม้กระทั่งวันที่ท่านมรณภาพ  วัวฝูงนั้นนอนคางตีกินน้ำตาไหลก็เคยเห็น  เพราะฉนั้นเรื่องราวที่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไป  ก็คิดว่าคงใกล้ความจริงที่สุด  เรื่องหลวงพ่อแช่ม  ที่จะเล่าต่อไปนี้ก็คงเป็นหลวงพ่อแช่มอองค์เก่า  ไม่ใช่หลวงพ่อแช่มองค์ใหม่  ที่จะต่อเดิมเสริมแต่งเอาตามความพอใจ

     แต่แน่อน เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้  ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องพิลึกพิลั่นอยู่บ้าง  เพราะหลวงพ่อแช่มน้ันท่านไม่ใช่พระภิกษุธรรมดาสามัญ  ท่านเป็นพระพิลึกพิลั่น  จริยาวัตรของท่านชอบกลอยู่เหมือนกัน  เพราะฉนั้นถ้าท่านอ่าานไปได้พบเรืองพิลึกๆ อยู่บ้าง  ก็ขอได้โปรดอย่าเข้าใจว่าข้าพเจ้าแต่งเติมเสริมต่อให้เป็นเรื่องสนุกสนานเกินความจริงอะไรเลย  ข้าพเจ้าเขียนตามทีได้รู้ได้เห็นได้ยินได้ฟังมาทั้งสิ้น   แม้จะไม่ได้เห็นมาเองกับตา  ข้าพเจ้าก็ได้ยินหลวงพ่อแช่มท่านเล่าให้ฟัง  ส่วนท่านจะคิดอย่างไรก็แล่วแต่ใจท่าน

     อีกอย่างหนึ่ง   ท่านผู้อ่านที่มีการศึกษาใหม่  หรือแม้แต่ท่านผู้ทรงคุณวุฒิเป็นมหาเปรียญมีทัศนะคติว่าพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา  ว่าควรจะมีศีลาจารวัตรอย่างนั้นอย่างนี้  มีวินัยอย่างน้้นอย่างนี้ตามพระพุทธบัญญัติ เมื่อได้อ่านเรื่องราวของหลวงพ่อแช่ม  จะนึกตำหนิวา่นี่มิใช่พระภิกษุสงฆ์ในนิกายฝ่ายสยาม  ไม่ใช่เรื่องดีเรื่องงามควรจะเขียนไว้เป็นแบบอย่างอะไรทำนองนี้  ขอโปรดเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่าง พ.ศ.๒๔๐๐ ถึง พ.ศ.๒๔๙๘  ในท้องถิ่นชนบทบ้านนอกแห่งหนึ่ง  พระภิกษุเช่นนี้ย่อมเกิดมาเหมาะสมกับสภาพบ้านเมืองท้องถิ่น  และเหมาะสมกับชีวิตจิตใจของชาวบ้านชาวเมืองในสมัยน้ันเป็นแน่นอน   ถ้าไม่มี่ดีอะไรอยู่แล้ว  ท่านก็คงจะไม่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือของคนจำนวนมากเช่นน้ัน   เปรียบเหมือนดอกไม่และผลไม้  ย่อมจะผลิดอกออกผลตามพืชตามพันธุ์  ต้นไม้ออกดอกออกผลผิดพืชผิดพันธุ์ไม่ได้ฉันใด  ภิกษุก็เป็นลูกของชาวบ้านย่อมจะเกิดมีขี้นพอดีพองาม  ได้ระดับกับชีวิตจิตใจชาวบ้านน้ันเสมอ   พระภิกษุที่ดีเลิศเกินระดับชาวบ้าน  ก็ย่อมจะอยู่ในท้องถิ่นน้ันไม่ได้   พระภิกษุที่ต่ำทรามกว่าระดับจิตใจชาวเมืองก็จะอยู่ในเมืองนั้นยาก  ฉันนั้น  หลวงพอแช่มเป็นพระภิกษุที่เกิดในสมัยหนึ่ง  อยู่ในชนบทหนึ่ง  ย่อมจะเหมาะสมกับชีวิตจิตใจของราษฎรสมัยน้ัน  ท้องถ่ิ่นน้ัน  ก็น่าจะถูกต้องเหมือนกัน  เราจะเชื่อถือได้อย่างไรว่ายุคเราสมัยเรา  ผู้คนจะเข้าใจหลักธรรมทางปฎิบัติในพระพุทธศาสนาดีกว่าคนในยุคหลวงพ่อแช่ม   ใครจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดว่า  พระภิกษุอย่างหลวงพ่อแช่ม  กับมหาเปรี่ยญ ๙ ประโยคสมัยนี้ ใครจะดีมีประโยชน์แก่ชาติแะพระศาสนามากกว่ากัน  ข้ออ้างอย่างเด่นชัดประการหนึ่งก็คือ   หลวงพ่อแช่ม  ท่านบวชจนตายในผ้าเหลืองมีอายุุถึง   ๙๘ เศษ  มีคนเรียกหลวงพ่อทั้งเมือง  แต่มหาเปรียญผู้เปรื่องปราชย์ในทางปริยัติน้ันพากันสลัดผ้าเหลืองเปลืองผ้าลายไปวุ่นวายอยู่ในโลกีย์กันกี่มากน้อย

     ข้าพเจ้าคนหนึ่งละ  ที่ได้แลเห็นประวัติอันแปลกประหลาดพิศดารของท่านตลอดจนศีลาจารวัตรอันพิลึกพิกลของท่านว่าควรแก่การสนใจ   จึงได้อุตส่าห์เขียนเรื่องนี้ขึ้น   ข้าพเจ้าคิดว่าพระภิกษุอย่งหลวงพ่อแช่มนี่แหละ  เป็นประโยชน์ต่อชาติและพระศาสนา  อย่างน้อยก็ยุคนั้นสมัยน้ันอย่างแน่นอน  เพราะท่านบวชสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาจนตายในผ้าเหลือง  ท่านเป็นที่พึ่งทา่งใจของผู้มีภัยได้ทุกข์จำนวนหนึ่ง   ชีวิตหลวงพ่อแช่มจึงควรนับว่าเป็น  "พระโพธิสัตว์"    ได้ปางหนึ่ง  เพราวามหมายของพระโพธิสัตว์น้ัน  คือ  สัตว์ที่เกิดมาเป็นที่พึ่งแก่ฝูงสัตว์  เมื่อหลวงพ่อแช่ม  ท่านเกิดมาเป็นทีพึ่งแก่ฝูงสัตว์ (อันหมายถึงมนุษย์ด้วย)   เช่นนี้  จึงนับว่าเป็นชีวิตที่น่าสนใจชีวิตหนึ่ง   ซึ่งสาธุชนควรใฝ่ใจใคร่ศึกษา  

     ชืวิตของคนเป็นเรื่องน่าสนใจท้ังน้ัน  แม้ชีวิตนั้นจะชั่วช้าต่ำทรามอย่างไรก็ตามที
     แต่ขีวิตพระดีอย่างหลวงพ่อแช่ม  น่าศึกษายิ่งกว่านั้น   



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น