วันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2560

หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง (ตอน นิราศเมืองพม่า)


นิราศเมืองพม่า 

     หลวงพ่อแช่ม ได้เดินทางไปธุดงค์ ไปนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๓ แห่ง ๓ หน  คือพระปฐมเจดีย์  พระแท่นดงรัง  และพระพุทธบาท  จิตใจก็ยิ่งมั่นคงในพระพุทธศาสนาเกิดปัญญาเห็นธรรมะได้จากสถานที่ศักดิ์สิทธ์นั้นๆ  จนแลเห็นคุณค่าของพระพุทธองค์ได้แจ่มกระจ่างสว่างใจ   เกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธจริยา เกิดความใฝ่ฝันที่จะดำเนินตามรอยพระบาทพระพุทธองค์   การธุดงค์ไป "อย่างโดดเดี่ยวเหมือนนอแรด" น้ันทำให้ละห่วง หมดกังวล เบากาย  สบายใจ  ปลอดโปร่ง  แจ่มใส   สว่าง เหมือนอย่างได้เคยลิ้มรสจากสันติสุขอย่างที่เคยได้รับมา คำว่า "นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ"  ไม่มีสุขใดยิ่งกว่าความสงบน้ัน  ที่จริงก็เป็นคำพูดที่พูดกันอยู่เสมอ  แต่คนที่จะเข้าใจแจ่มแจ้งจริงๆน้ัน  ต้องได้เคยลิ้มรสความสงบน้ันมาด้วยตนเอง  ความสงบในจิตใจ หมดห่วง หมดกังวล  ห่างไกลความโลภ โกรธ หลง  ไม่ติดแต่นยึดมั่นอยู่ในยศศักดิ์ ทรัพย์สมบัติ แม้แต่ที่อยู่ เครื่องนุ่งห่ม  อาหาร ก็ไม่มีกังวลใดๆ มีชีวิตด้วยการเจริญภาวนาเท่านั้น 

     แต่การเจริญภาวนาสมณธรรมอยู่ภายในวัดน้ัน เปรียบเหมือนท่อนไม้สดที่ตัดเอาแช่ทิ้งไว้ในสระน้ำ  ไม้นั้นยังไม่แห้งพอที่จะจุดไฟแห่งปัญญาให้ลุกสว่างได้  ต้องท่องเที่ยวสัญจรไปแต่ผู้เดียว  เหมือนเอาท่อนไม้ขึ้นจากสระน้ำ  ไม้นั้นก็ค่อยแห้งเปราะ เหมาะแก่การจุดไฟแห่งปัญญา  ยางไม้สดและน้ำที่ชุ่มอยู่เหมือนกิเลสตัณหา ความโลภ โกรธ หลง อุปกิเลส และนิวรณ์๕ จึงจะแห้งหายสิ้นไป 

     หลวงพ่อแช่ม คิดเห็นเช่นนี้  จึงต้ังใจจะเดินทางธุดงค์ท่องเที่ยวแต่ผู้เดียว เพื่อจะชำระจิตใจให้ผ่องใส  เผอิญในพรรษาน้ัน มีพระภิกษุอาวุูโส ลาสึกออกไปแต่งงานกับสตรี ทำให้พระเณรหวั่นไหวกันมาก เพราะเป็นพระภิกษุที่เคยเคารพนับถือกันอยู่  จู่ๆ ก็ลาสึกออกไปมีเมียเสียเช่นนี้ ทำให้พระเณรพากันขาดที่ยึดเหนี่ยวทางใจ หลวงพ่อทานั้นเสียใจมากถึงแก่ไม่พูดจากับใครอยู่หลายวัน  ต่อมาพระหลวงพ่อองค์หนึ่ง อายุ ๖๕-๗๐ ปีก็ล้มเจ็บมรณภาพลง  
  
     หลวงพ่อแช่มก็คิดสะท้อนใจว่า ถ้าชีวิตพระของเรารอดพ้นจากบ่วงมารศรีหรือกิเลสมารนี้ไปได้  ก็หนีไม่พ้นมัจจุมาร ถึงบวชเป็นพระถือศีล ๒๒๗ ข้อก็ตามที ถ้าไม่ได้บำเพ็ญสมณธรรมให้คู่ควรแก่ความเป็นแก้วประการที่สามให้ชนเคารพบูชา ก็นับว่าเสียทีบวชเปล่า  ตายไปก็หนึไม่พ้นเวียนว่ายตายเกิดอยู่  

     หลวงพ่อแช่มจึงเลือกทางเดินบนทางสองแพร่ง โดยการถือธุดงค์วัตรบำเพ็ญสมณธรรม  เมื่อหลวงพ่อแช่มตรึกตรองใจเด็ดขาดแล้ว  จึงเข้ากราบลาหลวงพ่อทาอาจารย์ขอออกธุดงค์ไปประเทศพม่า

     หลวงพ่อทาได้สอบถามความประสงค์แน่นอนแล้ว  ก็ยินดี อนุญาตให้ และยังได้กล่าวอบรมสั่งสอนถึงเรื่องธุดงควัตรอีกเป็นอันมาก 

     ท่านกล่าวว่า  การถือธุดงค์น้ันไม่ใช่แต่การท่องเที่ยวเดินทางไปปักกลดอยู่ตามที่แจ้ง ตามโคนไม้หรือในถ้ำเท่านั้น  การถือธุดงค์ไม่ใช่กิจของสงฆ์ฝ่ายอรัญญิกาวาสเท่าน้ัน  พระภิกษุสงฆ์ฝ่ายคามวาสีที่อยู่ในบ้านเมืองวัดวาอารามก็ถือธุดงค์ได้ พระภิกษุสงฆ์ทุกองค์ควรหาโอกาสถือธุดงค์ให้ได้สักครั้ง  เป็นการเดินทางตามรอยบาทพระพุทธองค์ ผู้เป็นบรมครูของเราทั้งหลาย  พระพุทธองค์ได้ทรงบัญญัติธุดงควัตรด้วยพระองค์เอง และพระองค์ก็ทรงปฎิบัติธุดงควัตรด้วยพระองค์เองทุกประการ พระองค์ทรงปฎิบัติมาครบถ้วนทุกประการ ทรงเห็นผลในการปฎิบัติธุดงค์ว่าเป็นเครื่องขัดเกลาอาสวะกิเลสให้สิ้นไป   การปฎิบัติธุดงค์เป็นการเดินทางอริยมรรค คือ มรรค ๘ จนกระทั่งได้บรรลุถึงพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ  การที่จะบรรลุอริยสัจธรรมได้  เป็นพระอริยบุคคลนั้นท่านล้วนต้องผ่านการถือธุดงควัตรมาก่อนแล้วทั้งสิ้น  สุดแต่ใครจะถือธุดงค์ข้อใด  อย่างใดก็แล้วแต่อัธยาศัยของผู้นั้น   สุดแต่วาสนาบารมีที่เคยสร้างมา  พระอริยสาวกทุกรูปก็ได้ถือปฎิบัติ ผ่านการธุดงค์มาแล้วทั้งสิ้น เพราะธุดงค์วัตรเป็นเครื่องมือสำหรับปฎิบัติฝึกฝนอบรมใจให้เบาบางจากกิเลส การจะก้าวขึ้นสู่พระอริยบุคคลชั้นโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล ชั้นอนาคามิมรรค อนาคามีผล ชั้นสกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล พระอรหัตตมรรค พระอรหัตตผล ทั้ง๘ ชั้นนี้ ต้องผ่านการต่อสู้กับกิเลสอาสวะมาแล้วอย่างโชกโชน  คู่ต่อสู้ก็คือการถือปฎิบัติธุดงควัตร ถ้าไม่ถือธุดงควัตร ถึงจะเรียนจบพระไตรปิฎกมหาเปรียญ ๙ ประโยค เป็นนักปราชญ์ทางศาสนา ก็เป็นนักปราชญ์คัมภีร์เท่านั้น  รู้เพียงตามตำรา ยังไม่เข้าใจธรรมะที่ลึกซึ้งทางใจเลย 

     ธุดงควัตรนั้น  พระบรมศาสดาได้ทรงบัญญัติไว้ถึง  ๑๓ ประการคือ
     ๑. ถือแต่ผ้าบังสกุลเป็นวัตร ผ้าอื่นไม่ใช้นุ่งห่มอย่างหนึ่ง
     ๒. ถือแต่ผ้าไตรจีวรสามผืนเป็นวัตร ไม่ใช้ผ้าเกิน   ๓ ผืนอย่างหนึ่ง
     ๓ ถือท่องเที่ยวบิณฑบาตรเป็นวัตร ไม่ขาดไม่เว้นอย่างหนึ่ง 
     ๔ ถือบิณฑบาตรบ้านเดียว แถวเดียวเป็นวัตร ไม่บิณฑบาตรบ้านอื่นแถวอื่นอย่างหนึ่ง
     ๕. ถือบริโภคอาหารอาสน์เดียวเป็นวัตร ไม่บริโภคอีกเมื่อลุกจากที่นั่งแล้วอย่างหนึ่ง  
     ๖. ถือบริโภคอาหารแต่ในบาตรที่บิณฑบาตรได้เป็นวัตร ไม่บริโภคอาหารที่มิได้บิณฑบาตรมาอย่างหนึ่ง 
     ๗. ถือบริโภคอาหารแต่บิณฑบาตรได้มาเป็นวัตร  ไม่บริโภคอาหารที่ไม่ได้บิณฑบาตรมาอย่างหนึ่ง
     ๘. ถือเอาการอยู่ป่าเป็นวัตร ไม่อยู่บ้านเมืองอย่างหนึ่ง
     ๙. ถือเอาการอยู่โคนไม้เป็นวัตร ไม่อยู่กุฎิที่มุงหลังคาอย่างหนึ่ง
     ๑๐.ถือเอาการปักกลดอยู่กลางแจ้งเป็นวัตร ไม่อยู่ในโรงเรือนอย่างหนึ่ง
     ๑๑. ถือเอาการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร ไม่อยู่ในที่อื่นอย่างหนึ่ง
     ๑๒. ถือเอาการอยู่ในเสนาสนะที่ท่านจัดไว้ให้อยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น  ไม่อยู่ในที่อื่นอย่างหนึ่ง
     ๑๓. ถือเอาการนั่งเป็นวัตร ไม่นอนอย่างหนึ่ง
     ธุดงควัตรทั้ง ๑๓ ประการนี้ ท่านเรียกว่า ตทังคธุดงค์ แปลว่าองค์แห่งธุดงค์ ๑๓ ประการ เป็นข้อปฎิบัติอย่างยิ่งยวดสำหรับฝึกฝนอบรมจิตให้เบาบางห่างไกลจากกิเลสตัณหาราคะทั้งหลาย  แม้จะลำบากยากเย็นอย่างไรก็ต้องถือปฎิบัติให้ได้ครบถ้วนตามกำหนดเวลาที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้  ฝนจะตก น้ำ่จะท่วม ุ ยุงหรือมดจะกวนอย่างไรก็ต้องอยู่ให้ครบกำหนด  แม้จะถึงชีวิตร่างกาย เช่น เสือจะมากิน  ช้างจะมาแทง ก็ต้องอยู่ในกลดนั้นจะหลีกหนีไปอยู่ที่อื่นไม่ได้เป็นอันขาด  เหมือนดังที่พระพุทธองค์ทรงตั้งสัตย์อธิษฐานว่าตราบใดยังมิได้ตรัสรู้ธรรมอันวิเศษจะไม่ยอมลุกจากพระอาสน์ที่ตรัสรู้ ฉนั้น  การตั้งจิตอธิษฐานเช่นนี้  เป็นการกระทำที่อาจหาญมั่นคง ไม่คำนึงถึงชีวิตและร่างกายจะแตกดับเรียกว่า เสียชีพไม่ยอมเสียสัตย์  ไม่ใช่แต่เพียงการอธิษฐานเพื่อให้จิตมั่นคงไม่หวั่นไหวเท่านั้น  ต้องบำเพ็ญเพียรภาวนาทางจิตวิปัสสนากรรมฐานไปด้วย ตลอดเวลานั้น 

     การออกท่องเที่ยวธุดงค์นั้น  ไม่ใช่การเดินชมนกชมไม้ ไม่ใช่การเดินทางท่องเที่ยวไปเฉยๆ  หรือเดินทางเพื่อแสวงหาลาภสักการะ แต่ต้องเป็นการเดินทางเพื่อฝึกฝนอบรมตนตามแนวทางธุดงควัตร ๑๓ ประการเท่าน้ัน  จะเลือกปฎิบัติข้อใดก็สุดแล้วแต่อัธยาศัยใจสมัคร  ตามกำลังศรัทธาของตน  แต่ต้องเลือกมาถือปฎิบัติอย่างน้อย ๑ ข้อที่เหมาะสมกับอุปนิสัยของตน  การเดินธุดงค์นั้นย่อมมีโอกาสไดปฎิบัติวัตรได้มากข้อ เช่น ๑.ปักกลดอยู่กลางแจ้งเป็นวัตร เมื่อเดินทางถึงถิ่นไหนตำบลไหน จะหยุดพักก็ปักกลดอธิษฐานการปักกลดอยู่กลางแจ้งตลอดกาล ๑ ราตรี หรือ ๓ ราตรีสุดแล้วแต่สะดวก เมื่อปักกลดลง ณ ที่ใดแล้ว จะถอยกลดไม่ได้จนครบกำหนดที่ตั้งสัตย์อธิษฐานไว้ ฝนจะตก เสือจะดุ ช้างจะมาเป็นโขลง ก็ถอนกลดหนีไม่ได้เลยเป็นอันขาด ๒. ถือเอาการบิณฑบาตรบ้านเดียวแถวเดียวเป็นวัตร ไม่ไปบิณฑบาตรบ้านอื่นแถวอื่น ๓. ถือเอาการฉันอาหารอาสน์เดียวเป็นวัตร เมื่อลุกจากที่นั่งแล้วก็ไม่ฉันอาหารอีกตลอดกาลวันนั้น คือฉันอาหารหนเดียวเท่านั้น ๔. ถือเอาการฉันอาหารในบาตรเป็นวัตร อาหารนอกบาตรไม่ฉัน อาหารคาวหวาน เค็ม เผ็ด ก็รวมฉันในบาตรเท่านั้น ๕. ถือเอาการห่มผ้าไตรจีวร ๓ ผืนเป็นวัตร ไม่ใช้ผ้าอื่นอีก แม้จะหนาวหรือผ้าจะเปียกก็ไม่เปลี่ยนใช้ผ้าอื่นอีก ๗. ถือเอาแต่อาหารที่บิณฑบาตรได้มาเป็นวัตร  ไม่ฉันอาหารอื่นที่มีผู้ถวายภายหลังบิณฑบาตรอีก 

     การธุดงค์นี้เป็นการบังคับใจตนเอง เป็นการฝึกฝนอบรมจิตใจตนเองด้วยการปฎิบัติ ผลจะเกิดแก่ใจตนเองนานาประการ การเดินธุดงค์นี้ ถ้าถือสัตย์มั่นคง ไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่กริ่งเกรงภัยอันตรายใดใด ยึดเอาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เป็นที่พึ่งให้มั่นคง  เสือช้างผีสางทั้งหลายย่อมยำเกรง ไม่มากร่ำกราย  เรื่องอดอยากก็ไม่ต้องกลัว ลูกพระตถาคตไม่เคยอดตายเลย ตลอดเวลา ๒๕๐๐ ปีเศษ ลูกพระตถาคตไม่เคยอดตายเลย อย่างร้ายแรงก็กินลูกไม้ในป่าได้ ถ้ามีศีลสัตย์มั่นคง จะกินลูกไม้ในป่าไม่ถึง ๓ วัน จะมีคนมาถวายภัตตาหารให้ลูกพระตถาคตเสมอ ให้อธิษฐานถึงคุณศีลที่ได้รักษา อธิษฐานถึงสัตย์ที่ได้ดำรง  อธิษฐานถึงคุณพระพุทธองค์ผู้บิดาของลูกพระตถาคต อธิษฐานถึงธรรมที่ประจักษ์แจ้งในใจ  อธิษฐานถึงคุณพระอริยสงฆ์ที่ดำรงสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา รุ่งเช้าให้มุ่งหน้าไปทางทิศที่ควรจะไป จะได้พบผู้ใจบุญมาตักบาตรทำบุญ  เห็นผู้คนก็อย่าถามทัก อย่านึกในทางลามก ให้รับบิณฑบาตร และสวดอุทิศบุญกุศลให้แก่เขา  ฉันข้าวเขาแล้ว ก็ต้องยถาสัพพี กรวดน้ำแผ่ส่วนบุญให้แก่สรรพสัตว์ทั่วหน้า  บางทีผู้ที่มาตักบาตรแก่เรานั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นเทวารักษ์กุมเทวดา หรือรุกขเทวดา อยู่ในป่านั้นๆ  

     หลวงพ่อทา  ท่านอบรมสั่งสอนรอบคอบหลายเรื่อง เพราะท่านเป็นพระนักปฎิบัติ ท่านปฎิบัติมาด้วยตนเองจนมีผู้คนเคารพกราบไหว้ท่านทั้งบ้านทั้งเมือง  คำอบรมสั่งสอนของท่านทำให่เกิดความมั่นใจและรื่นเริงในการเดินธุดงค์ในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง  
    หลวงพ่อแช่ม จึงเตรียมไตรจีวร เครื่องอัฐบริขารครบ แล้วก็ออกเดินทางแบกกลด สะพายบาตรไปแต่องค์เดียว มุ่งหน้าเข้าป่าเมืองกาญจน์ ในฤดูแล้งเดือนอ้ายปีนั้น เหมือนนกที่บินออกจากกรง เข้าสู่ป่า เหมือนนกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำไหนนอนนั่น  


(โปรดติดตามตอนต่อไป)
     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น