พรรษาห้ากำลังหาญ
พระบรมครูท่านตรัสสอนไว้ว่า มารชีวิตของคนเรานี้มีอยู่ ๕ ชนิด คือ กิเลสมาร ความโลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นในจิตใจเราเอง, ขันธมาร คือร่างกายไม่สมประกอบ พิกลพิการ ง่อยเปลี่ย หรือหูหนวก เป็นใบ้ อยู่ที่ร่างกายเราเป็นอุปสร รคขวากหนามชีวิตของเรา, อภิสังขารมาร คือสิ่งที่มีอำนาจเหนือสังข ารได้แก่ โรคภัยไข้เจ็บ และความแก่ชรา อยู่ห่างไกลจากนักปราชญ์ เกิดมาไม่ได้พบพระพุทธศาสนา , มัจจุราช คือความตาย , เทวบตรมาร คือ เจ้านายผู้เป็นใหญ่
สำหรับคนไทยเรา มีมารอีกชนิดหนึ่ง คือ มารศรี ได้แก่มารที่มีศิริ รูปร่าง ผิวพรรณสวยงาม
ชีวิตหลวงพ่อแช่ม ก็ใช่จะปลอดโปร่งจากมาร ต้องผจญกับมารมาเหมือนกัน ที่ต้ังใจเด็ดเดี่ยวว่า ชาตินี้จะขอบวชจนตลอดชีวิต ขอฝากกายไว้ในร่มกาผ้ากาสาว พัสตร์ แต่เมื่อคิดถึงโยมบิดามารดา ก็วุ่นวายใจอยู่ไม่น้อย เพราะท่านทั้งสองก็แก่เฒ่าล งทุกวัน ลำบากยากจน การบวชนี้เหมือนกับเป็นการต ัดช่องน้อยเอาตัวรอดเพียงคน เดียว บุญกุศลที่จะเกิดมีนั้นก็ไม ่สามารุถจะช่วยให้มารดาเป็น สุขได้ การบวชเป็นการทอดทิ้งผู้บัง เกิดเกล้าหรือเปล่า เราควรจะบวชต่อไปหรือสึกออก ไปมีบุตรภรรยา ช่วยเลี้ยงโยมเมื่อชรา อย่างไหนจะถูกต้องกว่ากัน
หลวงพ่อแช่ม คิดไปคลางแคลงใจไป วุ่นวายใจอยู่ เห็นหน้าโยมมารดาแล้วก็สงสา รเกิดความคิดจะสึกออกไปช่วย โยมมารดาอยู่หลายหน แต่ก็ยังลังเล อยู่คิดไม่ตก
ลองสมมุติดูว่า ถ้าลาสึกไปช่วยโยมมารดา จะช่วยได้เพียงใด และโยมมารดาเป็นคนขยัน ชอบทำงานมาตลอดต้ังแต่สาวจน แก่ ถึงจะสึกไปช่วยทำนาอีกแรง โยมมารดาก็คงไม่ยอมหยุดทำงา น
ความคิดที่ว่าจะสึกออกไปช่ว ยทำมาหากิน ก็คิดตกว่า จะไม่ช่วยได้จริงจัง อีกอย่างหนึ่งเล่า ชีวิตคนเราก็ไม่เที่ยงแท้แน ่นอน ลูกอาจตายก่อนแม่ หรือแม่อาจตายก่อนลูก ก็ไม่แน่นอน ความคิดที่จะสึกออกไปช่วยโย มทำนาก็เป็นอันยุติด้วยการป ลงเช่นนี้
ตอนนั้น หลวงพ่อแช่่มไม่รู้หรอกว่า ความคิดที่จะสึกนั้นเป็นมาร มาผจญ คือกิเลสมาร แต่หลวงพ่อแช่่มก็ผ่านมารชน ิดน้ันมาได้ ด้วยอาศัยปัญญาหยั่งรู้ถึงส ถาพความเป็นจริงของโลก
มารที่มาผจญอีกเรื่อง คือมารศรี สตรีเพศ ทำให้พระสงฆ์องค์เจ้าผ้าเหลืองร้อนเปลื้องจึวรออกไปว่ายน้ำอยู่ในห้วงมหรรณพ หลวงพ่อแช่ม ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยแม้จะรูปร่างหน้าตาขี้ริ้ว มีลูกชาวบ้านคนหนึ่งเป็นสาวอายุมากแล้ว ฐานะมั่งคั่งแต่ยังไม่มีคู่ชิดเชย หมั่นเข้าวัดเข้าวาหมั่นมาทำบุญทำทานฟังศึลฟังธรรมอยู่เสมอ หมั่นไปหมั่นมาแวะเวียนมาหาหลวงพ่อแช่มอยู่เสมอมิได้ขาด ตอนนั้นหลวงพ่อแช่มยังเป็นพระหนุ่ม วัยเบญเพศ ก็คิดเล่นๆในใจว่าหญิงคนนี้มีใจปฎิพัทธ์เสน่หาด้วย เพราะสายตากิริยาท่าทีก็บอกชัด หลวงพ่อแช่มเผลอใจคิดไปว่า ถ้าเราสึกออกไปแต่งงานกับหญิงคนนี้คงมีความสุขพอสมควร ช่างเอาอกเอาใจ กิริยาวาจาก็อ่อนหวาน แต่หลวงพ่อก็เอาชนะกิเลสมารนี้มาได้ ด้วยสติยั้งคิดพิจารณาถอยหน้าถอยหลัง เอาธรรมะเข้าข่มใจ ทำให้จิตใจอาจหาญมั่นคงอยู่ในพระพุทธศาสนาต่อมา
tagสำหรับคนไทยเรา มีมารอีกชนิดหนึ่ง คือ มารศรี ได้แก่มารที่มีศิริ รูปร่าง ผิวพรรณสวยงาม
ชีวิตหลวงพ่อแช่ม ก็ใช่จะปลอดโปร่งจากมาร ต้องผจญกับมารมาเหมือนกัน ที่ต้ังใจเด็ดเดี่ยวว่า ชาตินี้จะขอบวชจนตลอดชีวิต ขอฝากกายไว้ในร่มกาผ้ากาสาว
หลวงพ่อแช่ม คิดไปคลางแคลงใจไป วุ่นวายใจอยู่ เห็นหน้าโยมมารดาแล้วก็สงสา
ลองสมมุติดูว่า ถ้าลาสึกไปช่วยโยมมารดา จะช่วยได้เพียงใด และโยมมารดาเป็นคนขยัน ชอบทำงานมาตลอดต้ังแต่สาวจน
ความคิดที่ว่าจะสึกออกไปช่ว
ตอนนั้น หลวงพ่อแช่่มไม่รู้หรอกว่า ความคิดที่จะสึกนั้นเป็นมาร
มารที่มาผจญอีกเรื่อง คือมารศรี สตรีเพศ ทำให้พระสงฆ์องค์เจ้าผ้าเหลืองร้อนเปลื้องจึวรออกไปว่ายน้ำอยู่ในห้วงมหรรณพ หลวงพ่อแช่ม ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยแม้จะรูปร่างหน้าตาขี้ริ้ว มีลูกชาวบ้านคนหนึ่งเป็นสาวอายุมากแล้ว ฐานะมั่งคั่งแต่ยังไม่มีคู่ชิดเชย หมั่นเข้าวัดเข้าวาหมั่นมาทำบุญทำทานฟังศึลฟังธรรมอยู่เสมอ หมั่นไปหมั่นมาแวะเวียนมาหาหลวงพ่อแช่มอยู่เสมอมิได้ขาด ตอนนั้นหลวงพ่อแช่มยังเป็นพระหนุ่ม วัยเบญเพศ ก็คิดเล่นๆในใจว่าหญิงคนนี้มีใจปฎิพัทธ์เสน่หาด้วย เพราะสายตากิริยาท่าทีก็บอกชัด หลวงพ่อแช่มเผลอใจคิดไปว่า ถ้าเราสึกออกไปแต่งงานกับหญิงคนนี้คงมีความสุขพอสมควร ช่างเอาอกเอาใจ กิริยาวาจาก็อ่อนหวาน แต่หลวงพ่อก็เอาชนะกิเลสมารนี้มาได้ ด้วยสติยั้งคิดพิจารณาถอยหน้าถอยหลัง เอาธรรมะเข้าข่มใจ ทำให้จิตใจอาจหาญมั่นคงอยู่ในพระพุทธศาสนาต่อมา
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น