วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง (ตอน พรรษาห้ากำลังหาญ)





พรรษาห้ากำลังหาญ

     พระบรมครูท่านตรัสสอนไว้ว่า มารชีวิตของคนเรานี้มีอยู่ ๕ ชนิด คือ กิเลสมาร ความโลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นในจิตใจเราเอง, ขันธมาร คือร่างกายไม่สมประกอบ พิกลพิการ ง่อยเปลี่ย หรือหูหนวก เป็นใบ้ อยู่ที่ร่างกายเราเป็นอุปสรรคขวากหนามชีวิตของเรา, อภิสังขารมาร คือสิ่งที่มีอำนาจเหนือสังขารได้แก่ โรคภัยไข้เจ็บ และความแก่ชรา อยู่ห่างไกลจากนักปราชญ์ เกิดมาไม่ได้พบพระพุทธศาสนา, มัจจุราช คือความตาย , เทวบตรมาร คือ เจ้านายผู้เป็นใหญ่
สำหรับคนไทยเรา มีมารอีกชนิดหนึ่ง คือ มารศรี ได้แก่มารที่มีศิริ รูปร่าง ผิวพรรณสวยงาม

     ชีวิตหลวงพ่อแช่ม ก็ใช่จะปลอดโปร่งจากมาร ต้องผจญกับมารมาเหมือนกัน ที่ต้ังใจเด็ดเดี่ยวว่า ชาตินี้จะขอบวชจนตลอดชีวิต ขอฝากกายไว้ในร่มกาผ้ากาสาวพัสตร์ แต่เมื่อคิดถึงโยมบิดามารดา ก็วุ่นวายใจอยู่ไม่น้อย เพราะท่านทั้งสองก็แก่เฒ่าลงทุกวัน ลำบากยากจน การบวชนี้เหมือนกับเป็นการตัดช่องน้อยเอาตัวรอดเพียงคนเดียว บุญกุศลที่จะเกิดมีนั้นก็ไม่สามารุถจะช่วยให้มารดาเป็นสุขได้ การบวชเป็นการทอดทิ้งผู้บังเกิดเกล้าหรือเปล่า เราควรจะบวชต่อไปหรือสึกออกไปมีบุตรภรรยา ช่วยเลี้ยงโยมเมื่อชรา อย่างไหนจะถูกต้องกว่ากัน
     หลวงพ่อแช่ม คิดไปคลางแคลงใจไป วุ่นวายใจอยู่ เห็นหน้าโยมมารดาแล้วก็สงสารเกิดความคิดจะสึกออกไปช่วยโยมมารดาอยู่หลายหน แต่ก็ยังลังเล อยู่คิดไม่ตก
     ลองสมมุติดูว่า ถ้าลาสึกไปช่วยโยมมารดา จะช่วยได้เพียงใด และโยมมารดาเป็นคนขยัน ชอบทำงานมาตลอดต้ังแต่สาวจนแก่ ถึงจะสึกไปช่วยทำนาอีกแรง โยมมารดาก็คงไม่ยอมหยุดทำงา
     ความคิดที่ว่าจะสึกออกไปช่วยทำมาหากิน ก็คิดตกว่า จะไม่ช่วยได้จริงจัง อีกอย่างหนึ่งเล่า ชีวิตคนเราก็ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ลูกอาจตายก่อนแม่ หรือแม่อาจตายก่อนลูก ก็ไม่แน่นอน ความคิดที่จะสึกออกไปช่วยโยมทำนาก็เป็นอันยุติด้วยการปลงเช่นนี้
     ตอนนั้น หลวงพ่อแช่่มไม่รู้หรอกว่า ความคิดที่จะสึกนั้นเป็นมารมาผจญ คือกิเลสมาร แต่หลวงพ่อแช่่มก็ผ่านมารชนิดน้ันมาได้ ด้วยอาศัยปัญญาหยั่งรู้ถึงสถาพความเป็นจริงของโลก

     มารที่มาผจญอีกเรื่อง คือมารศรี สตรีเพศ ทำให้พระสงฆ์องค์เจ้าผ้าเหลืองร้อนเปลื้องจึวรออกไปว่ายน้ำอยู่ในห้วงมหรรณพ  หลวงพ่อแช่ม ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยแม้จะรูปร่างหน้าตาขี้ริ้ว มีลูกชาวบ้านคนหนึ่งเป็นสาวอายุมากแล้ว ฐานะมั่งคั่งแต่ยังไม่มีคู่ชิดเชย หมั่นเข้าวัดเข้าวาหมั่นมาทำบุญทำทานฟังศึลฟังธรรมอยู่เสมอ  หมั่นไปหมั่นมาแวะเวียนมาหาหลวงพ่อแช่มอยู่เสมอมิได้ขาด ตอนนั้นหลวงพ่อแช่มยังเป็นพระหนุ่ม วัยเบญเพศ ก็คิดเล่นๆในใจว่าหญิงคนนี้มีใจปฎิพัทธ์เสน่หาด้วย เพราะสายตากิริยาท่าทีก็บอกชัด หลวงพ่อแช่มเผลอใจคิดไปว่า ถ้าเราสึกออกไปแต่งงานกับหญิงคนนี้คงมีความสุขพอสมควร  ช่างเอาอกเอาใจ  กิริยาวาจาก็อ่อนหวาน แต่หลวงพ่อก็เอาชนะกิเลสมารนี้มาได้  ด้วยสติยั้งคิดพิจารณาถอยหน้าถอยหลัง เอาธรรมะเข้าข่มใจ ทำให้จิตใจอาจหาญมั่นคงอยู่ในพระพุทธศาสนาต่อมา  
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
tag

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น